บรรณาธิการ นายรุจ เรืองพุทธ
เกี่ยวกับวารสาร
Information - ข้อมูลวารสาร
วารสารสาธารณสุขมูลฐาน (ภาคใต้) จัดทำขึ้นโดยศูนย์พัฒนาการสาธารณสุขมูลฐานภาคใต้ จังหวัดนครศรีธรรมราช กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข โดยตีพิมพ์ติดต่อกันมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528 เพื่อเป็นช่องทางการเผยแพร่ตีพิมพ์ผลงานการจัดการองค์ความรู้ ผลงานวิชาการ และผลงานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข และบุคคลที่สนใจ เพื่อเป็นสื่อกลางเชื่อมโยงองค์ความรู้ด้านระบบสุขภาพกับภาคีเครือข่อย รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
วัตถุประสงค์
1. เพื่อเป็นแหล่งรวบรวมผลงานวิชาการ และผลงานวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ และเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
2. เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้ผลงานวิชาการ และผลงานวิจัยของนักวิชาการ บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข และบุคคลที่สนใจ
3. เพื่อเสริมสร้างคุณภาพผลงานวิชาการ และผลงานงานวิจัยของศูนย์พัฒนาการสาธารณสุขมูลฐานภาคใต้ จังหวัดนครศรีธรรมราช และภาคีเครือข่ายด้านสุขภาพ
4. เพื่อจัดให้มีวารสารวิชาการทางด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพที่มีคุณภาพและมาตรฐาน
5. เพื่อประชาสัมพันธ์ผลงานวิชาการของศูนย์พัฒนาการสาธารณสุขมูลฐานภาคใต้ จังหวัดนครศรีธรรมราช และภาคีเครือข่ายด้านสุขภาพ
กระบวนการพิจารณา : บทความทุกบทความจะต้องผ่านการพิจารณา โดยผู้ทรงคุณวุฒิที่เชี่ยวชาญอย่างน้อย 2 ท่าน แบบผู้ทรงคุณวุฒิและผู้แต่ไม่ทราบชื่อกันและกัน (Double-blind review)
ประเภทของบทความ : บทความวิชาการ บทความวิจัย และบทความนวัตกรรม
ภาษาที่รับตีพิมพ์ : ภาษาไทย, ภาษาอังกฤษ
กำหนดออก : วารสารตีพิมพ์ปีละ 3 ฉบับ ราย 4 เดือน ดังนี้ ฉบับที่ 1 (มกราคม - เมษายน), ฉบับที่ 2 (พฤษภาคม - สิงหาคม), ฉบับที่ 3 (กันยายน - ธันวาคม)
รูปแบบของวารสาร
รูปลักษณะวารสารวิชาการทั่วไป แต่สอดแทรกรูปภาพบ้างในส่วนที่ไม่ใช้เนื้อหาวิชาการโดยตรงมีขนาดเล่ม 21.0 x 28.7 ชม. ความหนาไม่เกิน 200 หน้า โดยเผยแพร่ในรูปแบบวารสารอิเล็กทรอนิกส์ (E-journal)
แนวทางการบริหารการจัดทำวารสาร
เพื่อให้การจัดทำวารสารสาธารณสุขมูลฐาน (ภาคใต้) มีคุณภาพและได้มาตรฐาน คณะกองบรรณาธิการได้กำหนดแนวทางการดำเนินการไว้ ดังนี้
1. มีการปรับปรุงคณะกองบรรณาธิการโดยสม่ำเสมอเพื่อให้ครอบคลุมงานวิชาการทางด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ และสาขาที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้คณะกองบรรณาธิการจะมาจากหน่วยงานหลายภาคส่วน ทั้งภายในศูนย์พัฒนาการสาธารณสุขมูลฐานภาคใต้ กรมวิชาการต่างๆ ในกระทรวงสาธารณสุข และนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิสาขาต่างๆ จากหลายสถาบันเป็นกลุ่มประเมินบทความต้นฉบับ หรือ Reviewers ของวารสารสาธารณสุขมูลฐาน (ภาคใต้)
2. วารสารสาธารณสุขมูลฐาน (ภาคใต้) เปิดรับบทความจากนักวิชาการต่างๆ ในทุกเนื้อหาที่เกี่ยวข้องทางด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ ทั้งนี้ บทความที่ต้องการพิมพ์เผยแพร่ จะต้องไม่เคยได้รับการตีพิมพ์มาก่อน โดยมีรูปแบบตามแนวทางที่วารสารกำหนด และเป็นไปตามข้อกำหนดด้านจริยธรรมการตีพิมพ์ผลงานในวารสารวิชาการ (Publication ethics) ทั้งนี้ รายละเอียดเกี่ยวกับข้อแนะนำในการเตรียมต้นฉบับและข้อกำหนดด้านจริยธรรมจะอ่านได้จากจริยธรรมการตีพิมพ์ผลงาน | วารสารสาธารณสุขมูลฐาน (ภาคใต้) (thaidj.org) หรือจากวารสารในฉบับที่ 1 ของทุกปี
3. วารสารวิชาการยึดหลักการดำเนินการตามจริยธรรมการตีพิมพ์บทความในวารสารวิชาการ ทั้งนี้ ต้นฉบับที่ฝ่ายจัดการวารสารสาธารณสุขมูลฐาน (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) ได้รับจะผ่านกระบวนการ ดังต่อไปนี้
3.1 การตรวจสอบคุณสมบัติเบื้องต้นโดยนักวิชาการภายในกองบรรณาธิการและคณะจัดการวารสาร หากเอกสารไม่ครบถ้วน ก็จะแจ้งเจ้าของบทความเพื่อทำการแก้ไขและส่งต้นฉบับมาใหม่
3.2 ต้นฉบับที่ผ่านการคัดกรองแล้วจะถูกส่งต่อไปยังบรรณาธิการเพื่อการประเมินคุณภาพ และพิจารณาหาผู้เหมาะสมในการประเมินหรือทบทวนบทความ (Reviewers)
3.3 ต้นฉบับแต่ละเรื่องจะถูกส่งไปให้ Peer Reviewers อย่างน้อย 2 คน เพื่อประเมินและให้คำแนะนำต่อบรรณาธิการ ทั้งนี้ Peer Reviewers จะเป็นนักวิชาการที่มีความเชี่ยวชาญในเนื้อหาทางวิชาการที่เกี่ยวข้องกับต้นฉบับนั้นๆ โดย Peer reviewers จะต้องมาจากหน่วยงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานของเจ้าของต้นฉบับ และการส่งต้นฉบับให้แก่ Peer reviewers นั้น จะมีการปิดบังชื่อและหน่วยงานของเจ้าของบทความไว้
3.4 Peer Reviewers จะได้รับคำแนะนำจากกองจัดทำวารสารสาธารณสุขมูลฐาน (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) ให้พิจารณาบทความตามเกณฑ์ที่กองบรรณาธิการวารสารวิชาการกำหนด ทั้งนี้ เกณฑ์ดังกล่าวจะกำหนดให้มีการสรุปความเห็นต่อบรรณาธิการเพื่อดำเนินการต่อต้นฉบับอย่างใดอย่างหนึ่งใน 3 ประการคือ
(1) พิจารณาว่าบทความมีคุณภาพดี และสมควรพิมพ์เผยแพร่ได้โดยไม่จำเป็นต้องมีการแก้ไขในสาระสำคัญ
(2) บทความมีคุณภาพพอประมาณ และสามารถปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ และสมควรตีพิมพ์เผยแพร่ภายหลังได้รับการปรับแก้แล้ว ทั้งให้ข้อชี้แนะในส่วนที่จำเป็นต้องได้รับการแก้ไข เพื่อแจ้งให้ผู้นิพนธ์ได้ดำเนินการปรับปรุงต่อไป หรือ
(3) บทความไม่มีคุณภาพ ไม่เสริมสร้างความรู้ใหม่ และไม่ควรตีพิมพ์
4. เมื่อผู้ทรงคุณวุฒิพิจารณาต้นฉบับแล้ว จะส่งผลการพิจารณาพร้อมต้นฉบับที่ได้รับการทบทวนคืนมายังกองจัดทำวารสารสาธารณสุขมูลฐาน (ภาคใต้)
5. บรรณาธิการจะรวบรวมข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะจาก Peer Reviewers ทั้ง 2 คน และจะประสานงานกับเจ้าของบทความเพื่อแจ้งผลการพิจารณา และให้ดำเนินการปรับแก้ ในกรณีที่ต้องมีการปรับปรุงต้นฉบับ ทั้งนี้ เจ้าของบทความจะไม่ทราบชื่อของผู้ทรงคุณวุฒิ (Peer Reviewers)
6. บทความต้นฉบับที่มีความสมบูรณ์ จะได้รับการตีพิมพ์โดยเร็ว ทั้งนี้ กองจัดทำวารสารสาธารณสุขมูลฐาน (ภาคใต้) จะแจ้งให้ผู้นิพนธ์ได้ทราบล่วงหน้าว่า ต้นฉบับดังกล่าว จะลงพิมพ์ในฉบับใด
7. บทความที่พร้อมจะตีพิมพ์ จะได้รับการทำตามรูปแบบของวารสารฯ จากนั้น กองจัดทำวารสารสาธารณสุขมูลฐาน (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) จะส่งให้เจ้าของต้นฉบับตรวจสอบความถูกต้องและความครบถ้วนของเนื้อหาเป็นครั้งสุดท้าย และเมื่อได้รับการตอบรับการตรวจสอบแล้ว ก็จะนำไปจัดเลขหน้าเพื่อพิมพ์เผยแพร่ต่อไป
การเตรียมต้นฉบับ : สำหรับการเตรียมบทความที่เป็นนิพนธ์ต้นฉบับ แต่หลายหัวข้อก็ใช้สำหรับบทความประเภทอื่นๆ ด้วยเช่นกัน ผู้สนใจสามารถศึกษารูปแบบจากบทความแต่ละประเภทในวารสารฉบับที่พิมพ์เผยแพร่ไปแล้ว
- ชื่อเรื่อง ควรสั้นกะทัดรัด และสื่อถึงเป้าหมายหลักของการศึกษา ไม่ใช้คำย่อ ความยาวไม่เกิน 100 ตัวอักษร ชื่อเรื่องต้องมีภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
- ชื่อผู้นิพนธ์ ชื่อผู้นิพนธ์ให้มีทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ (ไม่ใช้คำย่อ) ระบุหน่วยงานหรือสถานที่ผู้นิพนธ์ทำงาน และระบุชื่อ E-mail ของผู้นิพนธ์ที่ใช้ติดต่อ
- บทคัดย่อ (Abstract) เป็นเนื้อความย่อตามลำดับโครงการสร้างของบทความ ได้แก่ บทนำ วัสดุและวิธีการศึกษา ผลการศึกษา และวิจารณ์ ประมาณ 250-300 คำ ใช้ภาษารัดกุมเป็นประโยคสมบูรณ์ มีความหมายในตัวเองไม่ต้องหาความหมายต่อ ไม่ควรมีคำย่อ ต้องเขียนบทคัดย่อทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
- คำสำคัญ (Key words) ใส่ไว้ท้ายบทคัดย่อ มีทั้งภาษาไทยและอังกฤษ เป็นหัวข้อเรื่องสำหรับช่วยในการค้นหาบทความ โดยใช้ Medical Subject Headings (MeSH) terms ของ U.S. National Library of Medicine เป็นแนวทางการให้คำสำคัญหรือคำหลัก
- บทนำ (Introduction) เป็นส่วนหนึ่งของบทความที่บอกเหตุผลนำไปสู่การศึกษา เป็นส่วนที่อธิบายให้รู้ปัญหา ลักษณะ และขนาด เป็นการนำไปสู่ความจำเป็นในการศึกษาวิจัยให้ได้ผลเพื่อแก้ปัญหาหรือตอบคำถามที่ตั้งไว้ หากมีทฤษฎีที่จำเป็นต้องใช้ในการศึกษา อาจวางพื้นฐานไว้ในส่วนนี้ได้ แต่ไม่ต้องทบทวนวรรณกรรม ที่ไม่เกี่ยวกับจุดมุ่งหมายของการศึกษา และให้รวมวัตถุประสงค์ของการศึกษาในส่วนท้ายของบทนำ
- วิธีการศึกษา (Methods หรือ Material and Methods) ระบุรูปแบบแผนการศึกษา (Study design, Protocol) เช่น Randomized double blind, Descriptive หรือ Quasi-experiment กลุ่มตัวอย่าง วิธีการสุ่มตัวอย่าง เช่น การสุ่มตัวอย่างแบบง่าย แบบหลายขั้นตอน วิธีหรือมาตรการที่ศึกษา (Interventions) เช่น รูปแบบการศึกษา การรักษา ชนิดและขนาดของยา