การเตรียมความพร้อมเข้าสู่วัยผู้สูงอายุ ของวัยทำงานตอนปลาย เขตสุขภาพที่ 6

ผู้แต่ง

  • เพ็ญศรี กองสัมฤทธิ์ ศูนย์อนามัยที่ 6 ชลบุรี
  • วริยา บุญทอง ศูนย์อนามัยที่ 6 ชลบุรี
  • เสาวลักษณ์ ท้วมเจริญ ศูนย์อนามัยที่ 6 ชลบุรี

คำสำคัญ:

การเตรียมความพร้อมเข้าสู่ผู้สูงอายุ, ทำงานตอนปลาย, การสนับสนุนทางสังคม, พฤติกรรมที่พึงประสงค์, การรับรู้ข้อมูลข่าวสาร, ทัศนคติต่อการเตรียมความพร้อมเข้าสู่วัยผู้สูงอายุ

บทคัดย่อ

การเตรียมตัวให้ทันต่อการเป็นผู้สูงอายุคุณภาพเพื่อให้พึ่งตนเองให้นานที่สุด  อยู่กับครอบครัวและชุมชนจนถึง บั้นปลายชีวิตต้องเริ่มตั้งแต่อายุ  45  ปีขึ้นไป  โดยเริ่มจากตนเอง  การศึกษานี้เพื่อศึกษาสถานการณ์  ปัจจัยในการทำนายและรูปแบบการเตรียมตัวเข้าสู่ผู้สูงอายุของวัยทำงานตอนปลายที่ดีที่สุด เป็นการวิจัยเชิงบรรยาย กลุ่มตัวอย่างเป็นประชากรอายุ 45-59 ปี จำนวน 1,102 คน จากเจ้าหน้าที่ของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด 336 คน เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลชุมชนขึ้นไป 366 คน และประชาชนในชุมชน 400 คน ในเขตสุขภาพที่ 6 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถาม 1 ชุด การเก็บรวบรวมข้อมูล 3 เดือน (พ.ค.-ก.ค.62) สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูลใช้การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียวและการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ ผลการศึกษา พบว่า (1) การเตรียมความพร้อมเข้าสู่ ผู้สูงอายุของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ปฏิบัติงานในสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด  โรงพยาบาลชุมชนขึ้นไป  และประชาชนในชุมชน อยู่ในระดับปานกลาง โดยทั้ง 3 กลุ่มไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (F=1.088, p<0.337) (2) การสนับสนุนทางสังคม พฤติกรรมที่พึงประสงค์ การรับรู้ข้อมูลข่าวสาร ทัศนคติต่อการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ผู้สูง-อายุ ร่วมกันทำนายการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ผู้สูงอายุของวัยทำงานตอนปลายได้ร้อยละ 38.1 โดยมีการสนับสนุนทางสังคมเป็นตัวทำนายได้ดีที่สุดสามารถทำนายได้ร้อยละ  21.5  พฤติกรรมที่พึงประสงค์เพิ่มการทำนายได้อีกร้อยละ 7.2 การรับรู้ข้อมูลข่าวสารเพิ่มการทำนายได้อีกร้อยละ 4.9 และทัศนคติต่อการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ผู้สูงอายุเพิ่มการท�    านายได้อีกร้อยละ  4.5  (3)  รูปแบบของการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ผู้สูงอายุในภาพรวม  ได้แก่  Pre-age-ing=3.470 + 0.537SSS + 0.511BEH + 0.692PCT + 0.682ATT โดยมีการรับรู้ข้อมูลข่าวสารมีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงการเตรียม ความพร้อมเข้าสู่ผู้สูงอายุของวัยทำงานตอนปลายมากที่สุด (b=0.692) รองลงมาเป็นทัศนคติ ต่อการเตรียมความพร้อมเข้าสู่วัยผู้สูงอายุ  (b=0.682)  การสนับสนุนทางสังคม  (b=0.537)  และพฤติกรรมที่พึง-ประสงค์  (b=0.511)  ตามลำดับ ดังนั้น  การเตรียมความพร้อมเข้าสู่ผู้สูงอายุที่มีคุณภาพนั้นควรเน้นและให้ความสำคัญกับการสนับสนุนทางสังคม  การรับรู้ข้อมูลข่าวสารและการมีทัศนคติที่ดีต่อการเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่วัยผู้สูงอายุ

Downloads

Download data is not yet available.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2021-09-06

วิธีการอ้างอิง

บทความที่มีผู้อ่านมากที่สุดจากผู้แต่งเรื่องนี้