การประเมินผลการพัฒนาบทเรียนบนอินเตอร์เน็ตเรื่อง หลักระบาดวิทยาสำหรับทีมเฝ้าระวังสอบสวนเคลื่อนที่เร็วระดับอำเภอ จังหวัดในเขตตรวจราชการที่ 14

บทคัดย่อ

ระบาดวิทยาเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการค้นหาปัญหาและแนะแนวทางในการแก้ไขปัญหาให้มี ประสิทธิภาพและทันต่อเหตุการณ์ การเพิ่มพูนความรู้และทักษะทางระบาดวิทยา แก่ผู้รับผิดชอบงาน เพื่อเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรคและภัยสุขภาพ การเพิ่มช่องทางในการเรียนรู้โดย การใช้สือคอมพิวเตอร์ช่วยสอนถือได้ว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ให้เรียนรู้ได้ด้วยตนเองตามความสามารถของแต่ละบุคคล ผู้เรียนสามารถเลือกบทเรียนได้หลายแบบ ทำให้ไม่เกิดความเบื่อหน่าย และช่วยลดค่าใช้จ่ายในการประชุมอบรมได้ และถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการพัฒนาการเรียนรู้เรื่องหลักระบาดวิทยาด้วยตนเองของบุคลากรสาธารณสุข โดยเฉพาะ ทีมเฝ้าระวัง สอบสวนเคลื่อนที่เร็ว (Surveillance and Rapid Response Team : SRRT) ตลอดจนนักศึกษา หรือ ผู้สนใจทั่วไป เพื่อนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานต่อไป การวิจัยกึ้งทดลอง (quasi-experimental re search) นี่มีวัตถุประสงค์ เพื่อประเมินผลการสร้าง และพัฒนาบทเรียนบนอินเตอร์เน็ต เรื่อง หลักระบาดวิทยาสำหรับบุคลากรสาธารณสุขโดยเฉพาะทีมเฝ้าระวังสอบสวนเคลื่อนที่เร็วที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐานเปรียบเทียบคะแนนก่อนเรียน และหลังเรียนด้วยบทเรียนอินเตอร์เน็ต ตลอดจนหาระดับความพึงพอใจในการใช้บทเรียนอินเตอร์เน็ตในปีงบประมาณ 2551 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย เป็นสมาชิกทีมเฝ้าระวังสอบสวนเคลื่อนที่เร็วทั้งจากโรงพยาบาล และสำนักงานสาธารณสุขอำเภอของจังหวัดในเขตตรวจราชการที่ 14 จำนวน 4 กลุ่ม คือ กลุ่มที่มีประสบการณ์การทำงานด้านระบาดวิทยามาก ปานกลาง น้อย และ ไม่มีประสบการณ์ โดยได้จากการคำนวณขนาดตัวอย่าง จำนวนทั้งสิ้น 126 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ บทเรียนบนอีน-เตอร์เน็ตที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น และผ่านขันตอนการพัฒนา และปรับปรุงบทเรียน โดยผู้เชี่ยวชาญ และกลุ่มทดลองได้ทดลองใช้บทเรียน จำนวน 2 ครั้ง ครั้งที่ 2 พบว่า มีประสิทธิภาพเท่ากับร้อยละ 82.7, 84.3 นอกจากนี้ยัง มีแบบทดสอบความรู้ แบบฝึกหัดระหว่างเรียน และแบบวัดความพึงพอใจ

การศึกษา พบว่ามีผู้ผ่านการเรียนต่อเนื่องตลอดหลักสูตร จำนวน 109 คน (86.5%) คะแนนหลังเรียนและก่อนเรียนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.05 โดยคะแนนหลังเรียนสูงกว่าคะแนนก่อนเรียน และพบว่าบทเรียนมีประสิทธิภาพร้อยละ 82.3, 85.2 ตามเกณฑ์ที่กำหนด และส่วนใหญ่มีความพึ่งพอใจมากที่สุด ร้อยละ 51.4 ซึ่งตรงกับวัตถุประสงค์ที่ตั้งไรู้โดยสรุปการวิจัยครั้งนี้ทำให้ได้บทเรียนระบบเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพและช่วยให้ผู้เรียนมีความรู้เพิ่มขึ้น รวมทั้งมีความพึ่งพอใจในการเรียนรู้ จากผลการศึกษามีข้อเสนอแนะว่า ควร พัฒนาบทเรียนนี้โดยการเสริมระบบมัลติมีเดีย ภาพเคลื่อนไหว ภาพจำลอง และควรสรุปบทเรียน ในแต่ละบท พื่อให้บทเรียนมีความน่าสนใจ และบรรลุตามวัตถุประสงค์การเรียนรู้ได้ง่ายยิ่งขึ้น รวมทั้งมีการนำบทเรียนนี้ไปใช้ขยายเป็นเครือข่ายทางการศึกษาต่อไป