การป้องกันการสูบบุหรี่ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาในสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จังหวัดนครราชสีมา
คำสำคัญ:
แนวทางการป้องกันการสูบบุหรี่, นักเรียนชั้นมัธยมศึกษา, โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019บทคัดย่อ
การวิจัยเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสถานการณ์การสูบบุหรี่ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา พัฒนาการป้ องกันการสูบบุหรี่ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา และประเมินผลการป้ องกันการสูบบุหรี่ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาในสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จังหวัดนครราชสีมา โดยกลุ่มตัวอย่างใน การวิจัยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ (1) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษา จำนวน 394 คน (2) คณาจารย์ จำนวน 18 คน (3) ผู้ปกครองนักเรียน จำนวน 24 คน (4) เจ้าหน้าที่สาธารณสุข จำนวน 18 คน เครื่องมือการวิจัยประกอบด้วยการ วิเคราะห์เอกสาร แบบสอบถาม การสนทนากลุ่ม และการสัมภาษณ์เชิงลึก การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณด้วยสถิติ เชิงพรรณนา ได้แก่ จำนวน ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ส่วนข้อมูลเชิงคุณภาพวิเคราะห์ข้อมูลโดย การจำแนกและจัดกลุ่มข้อมูล ผลการวิจัย พบว่า (1) ทั้ง 6 โรงเรียน มีการกำหนดนโยบายการป้ องกันการสูบบุหรี่ อย่างชัดเจน โดยกิจกรรมมักแตกต่างกันตามบริบทของแต่ละโรงเรียน นักเรียนชั้นมัธยมศึกษามีความรู้เกี่ยวกับพิษ ของบุหรี่ อยู่ที่ระดับมาก (Mean=4.00; SD=0.55) ส่วนด้านทัศนคติของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาทีมีต่อการสูบบุหรี ่ ่ โดยภาพรวมอยู่ที่ระดับมาก (Mean=3.94; SD=0.53) (2) การพัฒนาการป้ องกันการสูบบุหรี่ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ควรจัดกิจกรรมออนไลน์ให้ความรู้เกี่ยวกับการป้ องกันการสูบบุหรี่ ควรมีการจัดกิจกรรม เช่น การประกวด cover dance การแข่งขันกีฬา การประกวดหนังสั้น รณรงค์เรื่องการสูบบุหรี่ เป็นต้น การคัดเลือกนักเรียนเข้าศึกษา อย่างเข้มข้น และปรับภูมิทัศน์ให้สะอาด สวยงาม และปลอดโปร่ง (3) การประเมินผลการดำเนินงานภายใต้ SKIN model plus สามารถใช้งานได้จริง มีความเหมาะสม สามารถนำไปใช้ในบริบทที่ใกล้เคียงจังหวัดนครราชสีมาได้ ข้อเสนอแนะ คือ โรงเรียนควรหามาตรการควบคุมการจำหน่ายบุหรี่ให้กับนักเรียนบริเวณโดยรอบโรงเรียน และควร เปิดโอกาสให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการออกแบบกิจกรรมรณรงค์อย่างต่อเนื่อง
Downloads
เอกสารอ้างอิง
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ. แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566 - 2570). ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 139, ตอนพิเศษ 258 ง (ลงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2565).
กองสถิติสังคม สำนักงานสถิติแห่งชาติ. การสำรวจพฤติกรรม ด้านสุขภาพของประชากร พ.ศ. 2564. กรุงเทพมหานคร: กองสถิติพยากรณ์ สำนักงานสถิติแห่งชาติ; 2564.
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา. สถานการณ์การ สูบบุหรี่ในกลุ่มเยาวชน. นครราชสีมา: สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา; 2562.
คลังข้อมูลสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข. จำนวนผู้สูบบุหรี่ จังหวัดนครราชสีมา [อินเทอร์เน็ต]. 2565 [สืบค้นเมื่อ 4 มิ.ย. 2565]. แหล่งข้อมูล: http://healthydee.moph.go.th/
Stufflebeam DL, Shinkfield AJ. Evaluation theory, models & applications. San Francisco, CA: Jossey-Bass; 2007.
Krejcie RV, Morgan DW. Determining sample size for research activities. Educational and Psychological Measurement 1970;30 (3):607-10.
ธิติ บุดดาน้อย, สุทิน ชนะบุญ, เบญญาภา กาลเขว้า. พฤติกรรมการสูบบุหรี่ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น กรณีศึกษาโรงเรียนแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลนครขอนแก่น อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น. วารสารวิทยาศาสตร์สุขภาพและการสาธารณสุขชุมชน 2562;2(1):139–52.
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ, สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ. PDCA เครื่องมือในการ จัดการคุณภาพ [อินเทอร์เน็ต]. 2560 [สืบค้นเมื่อ 4 ม.ค. 2563]. แหล่งข้อมูล: http://psdg.mnre.go.th/ckeditor/ upload/files/id147/KM/PDCA_28_29_ก_ย_2560_ กพร_ทส.pdf
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
วิธีการอ้างอิง
ฉบับ
บท
การอนุญาต

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.