การประเมินผลการดำเนินงานตามมาตรการค้นหาผู้ป่วยความดันสูงในสถานบริการในระดับประเทศ

ผู้แต่ง

  • กฤษฏา หาญบรรเจิด กองโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
  • ณัฐิวรรณ พันธ์มุง สถาบันป้องกันโรคเขตเมือง กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข

คำสำคัญ:

ความดันโลหิตสูงรุนแรง, การวินิจฉัยความดันโลหิตสูงล่าช้า, การตายก่อนวัยอันควร, ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่ไม่ได้รับการวินิจฉัย

บทคัดย่อ

โรคความดันโลหิตสูงเป็นโรคที่พบได้บ่อย คาดการณ์ว่าประชากรอายุระหว่าง 30-79 ปีทั่วโลกเป็นความดันโลหิตสูงถึง 1.3 พันล้านคน และ 2 ใน 3 อยู่ในประเทศที่มีรายได้ปานกลางและต่ำ จากผลการสำรวจประชากรไทยที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไปโดยการตรวจร่างกาย ครั้งที่ 6 พบความชุกของโรคสูงถึงร้อยละ 25.2 ของประชากรและเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอันตราย เช่น โรคหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมองตีบหรือแตก ซึ่งเป็นสาเหตุที่พบบ่อยของการตายก่อนวัยอันควรในประเทศไทย นอกจากนี้้จากผลการสำรวจนี้้ยังพบผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่ไม่เคยได้รับการวินิจฉัยมาก่อน สูงถึงร้อยละ 48.8 การค้นหาผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่ไม่ได้รับการวินิจฉัยมาก่อน โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตสูงรุนแรงที่มีความเสี่ยงสูงมาก ให้เข้ารับการรักษาแต่เนิ่นๆ จะเป็นการป้องกันภาวะแทรกซ้อนอันตราย ลดการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรได้ โครงการค้นหาผู้ป่วยความดันโลหิตสูงในระดับรุนแรง จากผู้ป่วยที่มารับการตรวจรักษาแผนกผู้ป่วยนอกในโรงพยาบาลทั่วประเทศให้ได้รับการวินิจฉัยและดูแลต่อเนื่อง จึงเป็นโครงการสำคัญที่มีเป้าหมายเพิ่มความรวดเร็วในการวินิจฉัยโรคความดันโลหิตสูง ลดจำนวนผู้ป่วยที่ไม่ได้รับการวินิจฉัย ลดการตายก่อนวัยอันควรจากภาวะแทรกซ้อนในผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่ไม่ทราบว่าตนเองป่วย การศึกษาวิจัยนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินผลการดำเนินงานโครงการในระยะ 3 ปี คือ พ.ศ. 2565 ถึง พ.ศ. 2567 โดยประเมินการเปลี่ยนแปลงของค่าเฉลี่ยร้อยละการวินิจฉัยโรคความดันโลหิตสูงในผู้มารับบริการที่ตรวจพบความดันโลหิตสูงระดับรุนแรง ที่ได้จากฐานข้อมูล Health Data Center นำมาวิเคราะห์ความแตกต่างของค่าเฉลี่ยร้อยละการวินิจฉัยโรคความดันโลหิตสูงใน 3 ปีงบประมาณ ด้วยสถิติ repeated measure ANOVA รวมถึึงวิเคราะห์ปัจจัยที่เกี่ยวข้องทั้งปัจจัยสนับสนุนและปัจจัยขัดขวางที่ได้จากแบบสำรวจ ผลการศึกษาพบว่า ค่าเฉลี่ยร้อยละการวินิจฉัยของการดำเนินงานในปีที่ 2 (ร้อยละ 25.79) และ ปีที่ 3 (ร้อยละ 25.44) มีค่าแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญที่ความเชื่อมั่นร้อยละ 95 เมื่อเทียบค่าเฉลี่ยของการดำเนินงานในปีที่ 1 (ร้อยละ 20.44) อย่างไรก็ตามไม่พบความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญของค่าเฉลี่ยของปีที่ 2 และ 3 ดังนั้น จึงมีข้อเสนอเชิงนโยบายให้พัฒนามาตรการเสริมอื่นๆ เพิ่มเติม โดยพิจารณาจากปัจจัยที่ค้นพบจากการเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มปัจจัยสนับสนุน เช่น การพัฒนาโปรแกรมแจ้งเตือน การสนับสนุนจากฝ่ายบริหาร การสื่อสารแนวทางการดูแลผู้ป่วยความดันโลหิตสูงให้ทั่วถึงและกว้างขวาง และหรือการลดปัญหาอุปสรรค เช่น การวินิจฉัยล่าช้า ที่เป็นปัจจัยขัดขวางที่สำคัญ โดยจัดการประชุมทบทวนแนวทางในองค์กรแพทย์และพัฒนาระบบตรวจสอบการลงวินิจฉัยและการนัดตรวจติดตาม

Downloads

Download data is not yet available.

เอกสารอ้างอิง

Mills KT, Stefanescu A, He J. The global epidemiologyof hypertension. Nat Rev Nephrol 2020;16(4):223–37.

Gil-Extremera B. Hypertension as the Major Cause ofStroke. Journal of Clinical Trials in Cardiology2015;2(2):13.

Flatow JS, Byfield R, Singer J, Chang MJ, Schwartz JE,Shimbo D, et al. Clinical Inertia in the diagnosis andmanagement of hypertension following ambulatory bloodpressure monitoring. Am J Hypertens 2025;38(5):280–7.

Ekpalakorn V. The 6th Thai national health examinationsurvey 2019-2020. 6th ed [Internet]. 2020 [cited 2025Apr 15]. Available from: https://kb.hsri.or.th/dspace/handle/11228/5425

Aekplakorn W, Chariyalertsak S, Kessomboon P, AssanangkornchaiS, Taneepanichskul S, Goldstein A, etal. Trends in hypertension prevalence, awareness, treatment,and control in the Thai population, 2004 to 2020.BMC Public Health 2024;24(1).

Martinez R, Soliz P, Campbell NRC, Lackland DT,Whelton PK, Ordunez P. Association between populationhypertension control and ischemic heart disease and strokemortality in 36 countries of the Americas, 1990-2019:an ecological study. Rev Panam Salud Publica 2022;46:e92.

Krist AH, Davidson KW, Mangione CM, Cabana M,Caughey AB, Davis EM, et al. Screening for hypertensionin adults: us preventive services task force reaffirmationrecommendation statement. JAMA 2021;325(16):1650–6.

หทัยชนก เกตุจุนา, ณัฐิวรรณ พันธ์มุง ,เบญจมาศ นาคราช,ขวัญชนก ธีส ระ, สุภาพร ศุภษร. การพัฒนาแนวทางการจัดการเมื่อพบผู้รับบริการมีความดันโลหิตสูงู ในโรงพยาบาล.วารสารสิ่งแวดล้อมศึกษาการแพทย์และสุขภาพ 2567;9(2):220-30.

กระทรวงสาธารณสุุข. ระบบคลังข้อมูลด้านการแพทย์และสุขุ ภาพ $$อินเทอร์เน็ต$$. 2567 [สืบค้นเมื่อ 15 เม.ย. 2568].แหล่งข้อมูล: https://hdc.moph.go.th/center/public/standard-report-detail/291f57594cc6c0fdd5514a59c20c8904

Soma R, Praekunatham H, Thitichai P. Evaluation of ahospital-based hypertension screening program in sevenhospitals in Thailand. Outbreak, Surveillance, Investigation& Response (OSIR) Journal 2023;16(3):153–60.

Kessler CS, Joudeh Y. Evaluation and treatment of severeasymptomatic hypertension. am fam physician [Internet].2010 [cited 2025 Apr 15];81(3):348-50. Availablefrom: https://www.aafp.org/pubs/afp/issues/2010/0201/p348.html

Borzecki AM, Kader B, Berlowitz DR. The epidemiologyand management of severe hypertension. J HumHypertens 2010;24(1):9-18.

Webster J, Newnham D, Petrie JC, Lovell HG. Influenceof arm position on measurement of blood pressure. BrMed J (Clin Res Ed) 1984;288(6430):1574-5.

Nyvad J, Reinhard M, Christensen KL. A case of anextreme white coat effect. Blood Press 2020;29(1):63–7.

Schmieder RE. End organ damage in hypertension. DtschArztebl Int 2010;107(49):866-73.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-10-28

วิธีการอ้างอิง