การคงอยู่ของแพทย์ในโรงพยาบาลชุมชนของประเทศไทย: กรณีศึกษาจังหวัดนครราชสีมา
คำสำคัญ:
การคงอยู่ของแพทย์, โรงพยาบาลชุมชน, จังหวัดนครราชสีมาบทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่ออธิบายปรากฏการณ์การย้ายออกและการคงอยู่ของแพทย์ในโรงพยาบาลชุมชน ค้นหาปัจจัยหลักที่เกี่ยวข้องกับการคงอยู่ของแพทย์ในโรงพยาบาลชุมชน พัฒนาตัวแบบการคงอยู่ของแพทย์ในโรงพยาบาลชุมชนของประเทศไทย วิธีการศึกษาแบ่งเป็น 3 ขั้นตอน 1) ทบทวนปรากฏการณ์การคงอยู่ของแพทย์ในโรงพยาบาลชุมชน จากอดีตจน ถึงปัจจุบันร่วมกับการทบทวนวรรณกรรมนำมาพัฒนาเป็นตัวแบบเชิงทฤษฎีการคงอยู่ของแพทย์ ในโรงพยาบาลชุมชนของประเทศไทย 2) วิจัยเชิงคุณภาพแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก ใช้การวิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปของแพทย์ใช้ทุนครบจากงานการเจ้าหน้าที่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา 65 คนส่วนที่สองใช้เทคนิคการสัมภาษณ์เชิงลึกแพทย์ใช้ทุนครบที่คงอยู่ในโรงพยาบาลชุมชน จังหวัดนครราชสีมา 39 คน ในเดือนเมษายน 2551 นำสิ่งที่ค้นพบมาปรับตัวแบบเชิงทฤษฎี 3) วิจัยเชิงปริมาณ ทดสอบตัวแบบโดยการสำรวจแพทย์ที่คงอยู่ในโรงพยาบาลชุมชนทั่วประเทศ การศึกษาในขั้นตอนที่สอง พบว่า แพทย์ที่คงอยู่ทั้งหมดมีระยะเวลาปฏิบัติงานเฉลี่ย 9 ปี (ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน 7.4, พิสัย 2.2-26.2) ช่วงอายุ 25-30 ปี มีระยะเวลาปฏิบัติงานเฉลี่ยต่ำสุด (3.1 ปี) และอายุมากกว่า 50 ปี มีระยะเวลาปฏิบัติงานเฉลี่ยสูงสุด (23.5 ปี) การคงอยู่ของแพทย์ผันแปรไปตาม อายุ สถานภาพสมรส ภูมิลำเนา บ้านเกิดหรือการตั้งถิ่นฐานที่อยู่ ตำแหน่ง และรูปแบบการศึกษา การสัมภาษณ์เชิงลึกพบว่า ปัจจัยที่เกี่ยวข้อง กับการคงอยู่ของแพทย์มี 3 กลุ่มปัจจัย 1) ปัจจัยด้านบุคคล ได้แก่ ทัศนคติที่ดีต่อชนบท ภาระงานที่เหมาะสมและค่าตอบแทนจูงใจที่เหมาะสม 2) ปัจจัยด้านโรงพยาบาลชุมชน ได้แก่ ขนาดโรงพยาบาลชุมชน ระบบบริหารในการดูแลผู้ป่วยทางคลินิก และความสัมพันธ์กับผู้บริหารและทีมงาน 3) ปัจจัยด้านชุมชนในเขตชนบทได้แก่ ความเจริญของชุมชน การยกย่องเชิงสังคม และความรับผิดชอบต่อครอบครัว ผู้วิจัยได้ปรับตัวแบบการคงอยู่ของแพทย์ในโรงพยาบาลชุมชน เพื่อทำการทดสอบเชิงปริมาณกับแพทย์โรงพยาบาลชุมชนทั่วประเทศต่อไป ผลการศึกษานำมาใช้ประโยชน์ในการแก้ปัญหาการคงอยู่ของแพทย์ในโรงพยาบาลชุมชน จังหวัดนครราชสีมาและพัฒนานโยบายการคงอยู่ของแพทย์ในโรงพยาบาลชุมชนของประเทศไทย.
Downloads
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
วิธีการอ้างอิง
ฉบับ
บท
การอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2018 วารสารวิชาการสาธารณสุข

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.

