ผลของการส่งเสริมการกินยาต้านไวรัสอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอต่อความร่วมมือและความปลอดภัยจากการใช้ยาในผู้ป่วยและผู้ติดเชื้อเอดส์ โรงพยาบาลอุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ
คำสำคัญ:
โรคเอดส์, การกินยาอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ, เชื้อดื้อยา, อาการไม่พึงประสงค์บทคัดย่อ
โรคเอดส์เป็นโรคที่ต้องมีการกินยาอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอเพื่อป้องกันโรคติดเชื้อฉวยโอกาสและเชื้อดื้อยา ข้อมูลโรงพยาบาลอุทุมพรพิสัยปี พ.ศ. 2554-2555 พบอัตราดื้อยาร้อยละ 4.70 และ 4.20 ตามลำดับ สาเหตุสำคัญเกิดจากพฤติกรรมการกินยาไม่ถูกต้อง ทีมสหสาขาวิชาชีพได้ดำเนินการส่งเสริมการกินยาต้านไวรัสที่ถูกต้องและสม่ำเสมอการศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของการส่งเสริมการกินยาต้านไวรัสอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอต่อความร่วมมือและความปลอดภัยจากการใช้ยาในผู้ป่วยและผู้ติดเชื้อเอดส์ เป็นการศึกษาย้อนหลังแบบ interrupted time study ใน ผู้ป่วยและผู้ติดเชื้อเอดส์ที่มารับบริการที่โรงพยาบาลอุทุมพรพิสัย จำนวน 120 คน ทำการอบรมให้ความรู้ ทำกิจกรรมกลุ่ม ให้คำปรึกษารายบุคคลและกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้คือการนับเม็ดยา แบบบันทึก และการสัมภาษณ์ ผลการศึกษาพบว่า ผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์กินยาถูกต้องและสม่ำเสมอเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ จากร้อยละ 81.06 ในปี 2556 เป็นร้อยละ 94.50 ในปี 2557 (p<0.001) โดยสัมพันธ์กับค่า C4 ที่เพิ่มขึ้น พบผู้ป่วยมีเชื้อดื้อยา 2 คนใน 120คน (ปี 2556) และ 2 คน ใน 118 คน (ปี 2557) (p>0.05) อัตราเชื้อดื้อยาที่ไม่เพิ่มขึ้นส่งผลดีในแง่ที่ทำให้ค่าใช้จ่ายสำหรับสูตรเชื้อดื้อยาไม่เพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนสูตรยา ด้านความปลอดภัยในการใช้ยาพบอาการอันไม่พึงประสงค์ 5 ราย (ร้อยละ 4.17) ในปี 2556 และ 2 ราย (ร้อยละ 1.67) ใน ปี 2557 หลังการให้ความรู้ ผู้ป่วยเกิดอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา 2 ราย ซึ่งทราบว่าเกิดจากการใช้ยาและมาพบแพทย์ก่อนนัด ไม่พบอาการแพ้ยาที่รุนแรงผลของการส่งเสริมการกินยาต้านไวรัสอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอช่วยเพิ่มความร่วมมือและความปลอดภัยจากการใช้ยาในผู้ป่วยและผู้ติดเชื้อเอดส์ ดังนั้น ควรส่งเสริมให้ผู้ป่วยและญาติมีความรู้ที่เพิ่มขึ้นเพื่อเพิ่มความปลอดภัยจากการใช้ยา ผลการวิจัยอาจนำไปเป็นแนวทางในการให้การรักษากับผู้ป่วยและผู้ติดเชื้อเอดส์ต่อไป
Downloads
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
วิธีการอ้างอิง
ฉบับ
บท
การอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2017 Journal of Health Science- วารสารวิชาการสาธารณสุข

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.

