อัตราการเกิดปฏิสัมพันธ์ของยีนอัลฟาธาลัสซีเมีย 1 ชนิดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ร่วมกับพาหะของฮีโมโกลบินอี
คำสำคัญ:
พาหะฮีโมโกลบินอี, อัลฟาธาลัสซีเมียบทคัดย่อ
อุบัติการณ์ของการมียีนแฝงอัลฟาธาลัสซีเมียในพาหะของฮีโมโกลบินอีที่พบในประเทศไทยได้ประมาณร้อยละ 10.0-25.0 ซึ่งการมียีนแฝงอัลฟาธาลัสซีเมียจะมีความเสี่ยงต่อการมีบุตรเป็นโรคธาลัสซีเมียชนิดรุนแรงฮีโมโกลบินบาร์ทไฮดรอปฟี ตัลลิส การศึกษาครั้งนี้เพื่อหาอัตราการเกิดการปฏิสัมพันธ์ของยีนอัลฟาธาลัสซีเมีย 1 ชนิดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ร่วมกับพาหะฮีโมโกลบินอี จากตัวอย่างที่ส่งตรวจ ณ ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 11 สุราษฎร์ธานีในระหว่างเดือนมกราคมถึงเดือนธันวาคม 2554 ที่ตรวจพบพาหะฮีโมโกลบินอี จํานวน 430 ราย ผลการศึกษาตรวจพบยีนแฝงอัลฟาธาลัสซีเมีย 1 ชนิดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จํานวน 23 ราย คิดเป็นร้อยละ 5.4 โดยทุกรายมีปริมาณอีโมโกลบินอีน้อยกว่า ร้อยละ 25.0 เมื่อเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของปริมาณของเม็ดเลือดแดงโดยเฉลี่ย (mean corpus-cular volume - MCV) พบว่า ผู้ที่เป็นพาหะฮีโมโกลบินอีที่ไม่มียีนแฝงอัลฟาธาลัสซีเมีย 1 ชนิดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับผู้ที่เป็นพาหะฮีโมโกลบินอีที่มียีนแฝงอัลฟาธาลัสซีเมีย 1 ชนิดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ (p<0.001) ดังนั้น การตรวจวินิจฉัยอัลฟาธาลัสซีเมีย 1 ในระดับยีน ควรตรวจในผู้ที่เป็นพาหะของฮีโมโกลบินอีที่มีปริมาณฮีโมโกลบินอี น้อยกว่าร้อยละ 25.0 ทุกรายด้วยเช่นกัน
Downloads
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
วิธีการอ้างอิง
ฉบับ
บท
การอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2018 Journal of Health Science- วารสารวิชาการสาธารณสุข
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.