ความเป็นไปได้ในการขยายวันลาคลอดจาก 90 วันเป็น 180 วันในกลุ่มหญิงวัยทำงานในประเทศไทย
คำสำคัญ:
การลาคลอด, การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่, มุมนมแม่, หญิงวัยทำงานบทคัดย่อ
ปัจจุบันแรงงานหญิงมีสิทธิลาคลอด 90 วันตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 และพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 ซึ่งน้อยกว่าข้อตกลงของ International Labour Organization (ILO) ในอนุสัญญาฉบับที่ 183 ปี ค.ศ.2000 ที่กำหนดให้หญิงทำงานควรมีสิทธิ์ลาคลอดอย่างน้อย 14 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม จากหลายการศึกษาพบว่าหากแม่ได้ลาคลอดในระยะเวลาที่เหมาะสม รวมทั้งหน่วยงานมีนโยบายสนับสนุนเกี่ยวกับการให้นมบุตร จะทำให้มารดาสามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้นานขึ้น วัตถุประสงค์ของการศึกษานี้เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายวันลาคลอดจาก 90 วัน เป็น 180 วัน หรือการใช้มาตรการอื่นที่เหมาะสมในการสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ของหญิงทำงานในประเทศไทย โดยทำการศึกษาด้วยวิธีการสำรวจภาคตัดขวาง และเก็บรวบรวม ข้อมูลโดยการสัมภาษณ์แบบเผชิญหน้าผ่านแบบสอบถาม การสัมภาษณ์เชิงลึก และการสนทนากลุ่ม ซึ่งผลการศึกษาพบว่า เหตุผลส่วนใหญ่ที่แรงงานหญิงลาคลอดไม่ครบ 90 วันคือการไม่อยากขาดรายได้และการขาดแคลนบุคลากรของหน่วยงาน และผลกระทบหากมีการขยายวันลาคลอดไป 180 วัน คือกลุ่มลูกจ้างจะมีผลกระทบต่อรายได้และเศรษฐกิจในครัวเรือน ขณะที่นายจ้างจะมีผลกระทบในเรื่องของกำลังคนในการดำเนินงาน ดังนั้นกลุ่มเป้าหมายมีข้อเสนอแนะต่อการขยายวันลาคลอด คือ ควรจะมีการกำหนดเป็นกฎหมายเกี่ยวกับการลาคลอดให้ชัดเจนและ มีการบังคับใช้อย่างจริงจัง รวมถึงควรมีกฎหมายอื่นที่เป็นแรงจูงใจให้กับนายจ้างและลูกจ้าง นอกจากนี้อาจกำหนด ลักษณะวันลาคลอดให้มีความยึดหยุ่นหรือมีหลายทางเลือกตามความต้องการของลูกจ้าง หรือค่อย ๆ เพิ่มสิทธิการลาคลอด เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการเสนอแนวทางอื่นเพื่อสนับสนุนการเลี้ยงลูกในสถานประกอบการ คือ การจัด มุมนมแม่ การจัดตั้งศูนย์เลี้ยงเด็กในสถานประกอบการ และการเพิ่มเวลาพักเบรกให้แม่ที่ให้นมบุตร จากผลการศึกษา ยังบ่งชี้ว่า การสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ของหญิงวัยทำงานต้องเป็นการทำงานร่วมกันแบบบูรณาการโดยกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีบทบาทในการให้ความรู้และช่วยเหลือแม่ในสถานประกอบการเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และประเทศไทยควรมีการดำเนินงานด้านกฎหมาย และด้านสังคม ควบคู่กันไปด้วย
Downloads
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
วิธีการอ้างอิง
ฉบับ
บท
การอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2017 Journal of Health Science- วารสารวิชาการสาธารณสุข

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.

