ชุดวิจัยการเงินการคลังระบบสุขภาพไทย ตอนที่ ๔ พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประจากรถ พ.ศ. ๒๕๓๕ ในบริบทของการสุขภาพถ้วนหน้า – ข้อเสนอเพื่อการปฏิรูป
คำสำคัญ:
พระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ, พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ, แหล่งการคลังสุขภาพ, ผู้ประสบภัยจากรถบทคัดย่อ
พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. ๒๕๓๕ แม้ว่าจะเป็นการประกันภาคบังคับ บริษัทประกันวินาศภัยที่มุ่งกำไรเป็นผู้บริหารโครงการนี้ทั้งหมด กฎหมายนี้ให้การคุ้มครองโดยจ่ายสินไหมทดแทน ใน กรณีรักษาพยาบาลไม่เกินเพดานที่กำหนด และเหมาจ่ายกรณีการตายและทุพพลภาพ รายงานปี ๒๕๔๕ แสดงให้เห็นว่า สามารถเก็บเบี้ยประกันได้ ๗,๐๐๓ ล้านบาท โดยมีรายจ่ายเพื่อการบริหารสูงถึงร้อยละ ๔๑ รายจ่ายสินไหมทดแทนร้อยละ ๕๒ นอกจากนี้กฎหมายไม่สามารถคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถทุกคนได้ เมื่อ ประเทศไทยบรรลุหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าแล้ว มีความจำเป็นต้องทบทวนความเหมาะสมของกฎหมายและแนวทางการปฏิรูปต่อไป ดำเนินการศึกษาระหว่างเดือนกรกฎาคม ถึงธันวาคม ๒๕๔๖ จากข้อมูลทุติยภูมิสี่ชุดหลัก ได้แก่ ข้อมูลต้นทุนการบริการของโรงพยาบาล ข้อมูลผู้ป่วยในกลุ่มวินิจฉัยโรคร่วม ข้อมูลการสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน และข้อมูลปริมาณการใช้น้ำมันทั่วประเทศ รวมทั้งข้อมูลที่ได้จากการสอบถามผู้สันทัดกรณี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประมาณการความต้องการงบประมาณในการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถทุกคน (ไม่ว่าประสบภัยจากรถที่มีหรือไม่มีประกันตามกฎหมาย) และเสนออัตราภาษีน้ำมันเพิ่ม เพื่อให้ได้เงินเพียงพอในการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถทุกคน และนำเสนอแนวทางการปฏิรูป
การศึกษาพบว่า เพื่อคุ้มครองผู้ประสบภัยทุกคน ต้องการงบประมาณ ๗,๑๕๘ ล้านบาทในปี ๒๕๔๕ เป็นค่ารักษาพยาบาลกรณีผู้ป่วยในร้อยละ ๖๓ การรักษาก่อนถึงโรงพยาบาลร้อยละ ๑๖ กรณีตายร้อยละ ๑๕ กรณีรักษาพยาบาลผู้ป่วยนอกร้อยละ ๕ และกรณีทุพพลภาพร้อยละ ๑
อาศัยฐานข้อมูลการสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน ปี ๒๕๔๕ โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า จะต้องเก็บภาษีเพิ่มขึ้นลิตรละ ๓๒ สตางค์ เพื่อให้ได้เงินทั้งสิ้น ๗,๑๕๘ ล้านบาท สำหรับการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถทุกคน แต่ภาษีที่เพิ่มขึ้นจะเป็นภาระต่อครัวเรือนที่จนที่สุดมากกว่าครัวเรือนที่รวยที่สุด จึงไม่เป็นธรรม
การปฏิรูปควรบรรลุเป้าหมายหลัก ๒ ประการคือ ให้การคุ้มครองผู้ประสบภัยทุกคน และต้นทุนในการบริหารจัดการต่ำ ผู้วิจัยเสนอ ๓ ทางเลือกจำแนกตามที่มาของเงิน ทางเลือกที่ ๑ อาศัยเบี้ยประกันตาม พ.ร.บ. ทางเลือกที่ ๒ อาศัยภาษีทั่วไป และทางเลือกที่ ๓ อาศัยภาษีน้ำมัน เฉพาะทางเลือกที่ ๒ และ ๓ มีความเป็นไปได้น้อย เนื่องจากมีเบี้ยประกันตาม พ.ร.บ. อยู่แล้ว ไม่น่าจะเป็นภาระงบประมาณ และในภาวะวิกฤตน้ำมัน ทางเลือกที่ ๓ ไม่น่าจะเป็นที่ยอมรับได้
ภายใต้ทางเลือกที่ ๑ ผู้วิจัยเสนอว่าการปฏิรูปใหญ่ โดยให้กรมขนส่งทางบกเก็บเบี้ยประกันในขณะที่ เจ้าของรถชำระภาษีรถยนต์ประจำปี โดยจัดงบประมาณบางส่วนจากเบี้ยประกันฯ เพื่อการบริหารจัดเก็บโดย กรมขนส่งทางบก เบี้ยประกันที่เหลือส่งให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเป็นผู้จ่ายกรณีเจ็บป่วย ตาย และทุพพลภาพ ทางเลือกการปฏิรูปเล็กน้อย ก็อาจจะเป็นที่ยอมรับได้ เนื่องจากสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ทั้ง๒ ด้านคือ ต้นทุนบริหารจัดการต่ำ และให้การคุ้มครองผู้ประสบภัยทุกคน
Downloads
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
วิธีการอ้างอิง
ฉบับ
บท
การอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2019 วารสารวิชาการสาธารณสุข

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.

