Study of Factors Influencing Knowledge, Attitude and Practice on Village-Drug-Co-Operatives of Nakornpathom People-การศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อความรู้ ทัศนคติ และการปฏิบัติของ ประชาชนที่มีต่อกองทุนยาและเวชภัณฑ์ประจําหมู่บ้าน ในเขตจังหวัดนครปฐม
คำสำคัญ:
-บทคัดย่อ
Factors influencing knowledge, attitude and practice on village-drug-co-operatives of Nakornpathom people were studied from 680 random samples of Maung and Kampangsan districts. All samples were familiar with village-drug-co-operatives. Education level, occupation, income and money saving are factors which influence knowledge, attitude and practice on villagedrug-co-operatives of Nakornpathom people. Prathomsuksa (primary education level) group(83.54%), cultivator group(60.30%), middle income and no saving group(54.56%) have better score in knowledge, attitude and practice on village-drug-co-operatives than other groups. Although the high education level group, high income and saving group have higher score in knowledge concerning health, they have less score in knowledge, attitude and practice on villagedrug-co-operatives. Knowledge on village-drug-co-operatives have direct and indirect effects on attitude and practice on village-drug-co-operatives among most study groups. Among labor group and no saving group, there are no indirect effects due to other factors such as business benefits and debt. In the high education level group and government official group, there are neither direct nor indirect effects of knowledge on village-drug-co-operatives.
ผลการศึกษาปัจจัยความรู้ ทัศนคติและการปฏิบัติของประชาชนที่มีต่อกองทุนยาและเวชภัณฑ์ประจําหมู่บ้านใน เขตจังหวัดนครปฐม โดยทําการศึกษาจากประชาชนในเขตอําเภอเมือง และกําแพงแสนที่รู้จักกองทุนยาฯจํานวน 680 ตัวอย่าง เมื่อจําแนกข้อมูลตามระดับการศึกษา การประกอบอาชีพและสถานะทางเศรษฐกิจ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่จํานวนร้อยละ 83.54 มีการศึกษาระดับประถมศึกษา จํานวนร้อยละ 60.30 ประกอบอาชีพ ด้านเกษตรกรรม และจํานวนร้อยละ 54.56 มีสถานะทางการเงินพอใช้ แต่ไม่มีเงินออม ซึ่งประชาชนกลุ่มเหล่านี้ จะมีความรู้เรื่องกองทุนยาฯ ทัศนคติและการปฏิบัติต่อกองทุนยางในระดับที่ดีกว่ากลุ่มอื่นๆ ส่วนประชาชนกลุ่ม ที่มีระดับการศึกษาสูงมีอาชีพรับราชการ และมีสถานะทางการเงินพอใช้และมีเงินออมจะมีความรู้เบื้องต้นเกี่ยว กับสุขภาพอนามัยในระดับที่ดี แต่มีความรู้เรื่องกองทุนยาฯ ทัศนคติและการปฏิบัติต่อกองทุนยางในระดับที่ต่ํา กว่ากลุ่มอื่น, ปัจจัยความรู้เรื่องกองทุนยาฯจะมีอิทธิพลต่อทัศนคติและส่งผลต่อการปฏิบัติต่อกองทุนยางใน ประชาชนกลุ่มที่มีระดับการศึกษาต่ํากว่าระดับมัธยมศึกษา กลุ่มประชาชนที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม รับจ้าง และกลุ่มประชาชนที่มีสถานะทางการเงินพอใช้ ทั้งที่มีและไม่มีเงินออม แต่ในกลุ่มอาชีพรับจ้างและกลุ่มที่มีภาวะหนี้สิน จะมีปัจจัยภายนอก เช่น ผลประโยชน์ด้านธุรกิจ หรือความจําเป็นต้องใช้บริการโดยเงินเชื่อ ทําให้ปัจจัย ความรู้เรื่องกองทุนยาฯไม่มีอิทธิพลโดยอ้อมผ่านทัศนคติต่อการปฏิบัติต่อกองทุนยาฯ ส่วนกลุ่มที่มีการศึกษา ระดับสูงและกลุ่มที่มีอาชีพรับราชการปัจจัยเรื่องกองทุนยาฯจะไม่มีอิทธิพลทั้งโดยตรงและโดยอ้อมต่อการปฏิบัติต่อ กองทุนยาฯแต่อย่างใด