การศึกษาการติดเชื้อไวรัสซิกาในกลุ่มนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ของไทยที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ครั้งที่ 31 และพาราลิมปิกครั้งที่ 15 ณ สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล
คำสำคัญ:
โรคติดเชื้อไวรัสซิกา, นักกีฬาและเจ้าหน้าที่, กีฬาโอลิมปิก, กีฬาพาราลิมปิกบทคัดย่อ
การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาอัตราการติดเชื้อไวรัสซิกา และพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ในกลุ่ม นักกีฬา และเจ้าหน้าที่ของประเทศไทยที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ครั้งที่ 31 และพาราลิมปิกครั้งที่ 15 ใน เดือนสิงหาคม-กันยายน 2559 ณ สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล คณะผู้วิจัยได้ทำการตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อ ไวรัสซิกาด้วยวิธี Real-time PCR จากปัสสาวะในกลุ่มนักกีฬา และเจ้าหน้าที่ที่ให้คำยินยอมเป็นอาสาสมัครเข้าร่วม การศึกษานี้ อายุ 18-85 ปี จำนวน 239 คน ในวันที่ 0, 7 หลังจากกลับถึงประเทศไทย รวมทั้งติดตามอาการจนครบ 14 วัน และสัมภาษณ์เพื่อศึกษาลักษณะทางระบาดวิทยาและพฤติกรรมเสี่ยงในการติดเชื้อ ผลการศึกษา ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสซิกา ในนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ของไทยในกีฬาโอลิมปิก จำนวน 125 คน และพาราลิมปิก จำนวน 114 คน การเฝ้ าระวังโรคและติดตามอาการโดยการสัมภาษณ์ ไม่พบผู้มีอาการป่ วยที่มีอาการตามนิยามผู้ ป่ วย ส่วนพฤติกรรมเสี่ยงพบว่า ส่วนใหญ่ได้ออกนอกเขตหมู่บ้านนักกีฬา โดยมีการดูแลตนเองโดยไม่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เสี่ยงต่อการถูกยุงกัด ไม่อยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่ วยที่มีไข้หรือออกผื่น และอาสาสมัครมากกว่าครึ่งใช้อุปกรณ์ ป้ องกันเป็นประจำเพื่อไม่ให้ยุงกัด โดยสรุป เมื่อนักกีฬาและเจ้าหน้าที่มีการป้ องกันตนเอง และลดพฤติกรรมเสี่ยง จากการถูกยุงกัด จะทำให้ป้ องกันการติดเชื้อไวรัสซิกาได้ และควรนำผลการวิจัยทีได้มาจัดทำเป็นรูปแบบในการเฝ้าระวัง ป้ องกันและควบคุมโรค และพัฒนาระบบดูแลสุขภาพของนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ในการแข่งขันครั้งต่อไป
Downloads
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
วิธีการอ้างอิง
ฉบับ
บท
การอนุญาต
![Creative Commons License](http://i.creativecommons.org/l/by-nc-nd/4.0/88x31.png)
This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.