ความพร้อมในการจัดการภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข (PHEM) ของหน่วยงานสังกัด สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแพร่
คำสำคัญ:
ความพร้อม, การจัดการภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข (PHEM)บทคัดย่อ
การวิจัยนี้เป็นวิจัยเชิงพรรณนาแบบตัดขวาง (Cross-sectional descriptive study) มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความพร้อมในการจัดการภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข (PHEM) ของหน่วยงานสังกัดสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแพร่ กลุ่มตัวอย่างที่ศึกษา ได้แก่ผู้บัญชาการเหตุการณ์ ประธานและเลขานุการกลุ่มภารกิจด้านต่าง ๆ โดยคัดเลือกแบบเฉพาะเจาะจง จำนวน 335 คน เก็บข้อมูลเชิงปริมาณ ด้วยแบบสอบถาม มีค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาค (Cronbach’s Alpha Coefficient) เท่ากับ 0.94 ข้อมูลเชิงคุณภาพโดยการสัมภาษณ์เชิงลลึก ด้วยแบบสัมภาษณ์บกึ่งโครงสร้าง วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา และการวิเคราะห์ข้อมูล เชิงคุณภาพ โดยการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการศึกษา พบว่า การจัดการภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข (PHEM) ของหน่วยงานสังกัดสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแพร่ ในภาพรวมมีความพร้อมอยู่ในระดับมาก ( = 3.88, S.D.= .596) และมีความพร้อมอยู่ในระดับมาก ทั้ง 4 องค์ประกอบ คือ 1) ความพร้อมในการป้องกันและลดผลกระทบ ก่อนการเกิดภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข ( = 4.00, S.D.= .718) 2) ความพร้อมในการรองรับภาวะฉุกเฉิน ( = 3.77, S.D.
= .604) 3) ความพร้อมในการตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน ( = 3.93, S.D.= .653) และ 4) ความพร้อมในการฟื้นฟูหลังเกิดภาวะฉุกเฉิน ( = 3.95, S.D.= .649) โดยจากการสัมภาษณ์ พบว่ามีผู้รับผิดชอบและระบบ
เฝ้าระวังรายงานทางระบาดวิทยาที่สามารถตรวจจับเหตุการณ์ผิดปกติได้อย่างรวดเร็ว หน่วยงานให้ความสำคัญกับการจัดเตรียมความพร้อมในด้านบุคลากร โดยมีปัจจัยที่สนับสนุนให้เกิดความพร้อมในการตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน คือ การบริหารจัดการที่ดีของศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข รวมทั้งความพร้อมในการฟื้นฟูของทีมปฏิบัติการเยียวยาจิตใจ ทั้งนี้ ยังพบจุดที่ต้องปรับปรุงในด้านการส่งเสริมให้บุคลากรเข้ารับการอบรมเกี่ยวกับการจัดการภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข และการมอบหมายหน้าที่ที่ซ้ำซ้อนของบุคลากร
ข้อเสนอแนะ ควรพัฒนาศักยภาพของบุคลากรในกลุ่มที่ยังไม่เคยเข้ารับการอบรม โดยเน้นการจัดการอบรมที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความรู้และทักษะที่จำเป็นสำหรับการปฏิบัติงานในสถานการณ์ฉุกเฉิน นอกจากนี้ ควรปรับลดบทบาทหน้าที่ซ้ำซ้อนของบุคลากร เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และแนะนำให้พัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรให้เพียงพอและเหมาะสมต่อการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
เอกสารอ้างอิง
กรมควบคุมโรค. (2564). กรอบแนวทางการพัฒนาศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินและระบบบัญชาการเหตุการณ์ในภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข. กรุงเทพมหานคร: ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด.
กรมควบคุมโรค. (2566). คู่มือแนวทางการเตรียมพร้อมตอบโต้ภาวะฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขระหว่างหน่วยงานระดับเขตและจังหวัด. กรุงเทพมหานคร: ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด.
กลุ่มยุทธศาสตร์การจัดการภาวะฉุกเฉินด้านการแพทย์และการสาธารณสุข. (2566). แผนปฏิบัติการด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยทางการแพทย์และการสาธารณสุข พ.ศ. 2566 – 2570.นนทบุรี: กองสาธารณสุขฉุกเฉิน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข.
กานต์รวี วิชัยปะ. (2556). รูปแบบกระบวนงานในการปฏิบัติการของศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจ ป้องกันและบรรเทาอุทกภัยและดินโคลนถล่มขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดแพร่. [วิทยานิพนธ์ปริญญาโท]. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
ณรงค์ ลือชา และณัฐกานต์ ปวะบุตร. (2566). การบริหารจัดการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จังหวัดเชียงราย. เชียงรายเวชสาร, 15(3), 9-13.
ภมร ดรุณ และคณะ. (2562). การประเมินผลการดำเนินงานศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข กรณีโรคไข้เลือดออก จังหวัดบึงกาฬ ปี 2562. วารสารการพยาบาล สุขภาพ และการศึกษา, 3(2), 3-17.
สยามราชย์ ฟูเจริญกัลยา และคณะ. (2566). การพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข : กรณีฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) จังหวัดเชียงราย. วารสารวิจัยการพยาบาลและสุขภาพ, 25(1), 79-96.
สัจจพร ยุวัฒนา. (2556). การพัฒนาประสิทธิภาพการจัดการภัยพิบัติของสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร. [วิทยานิพนธ์ปริญญาโท]. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
Best, J. W. (1970). Research in Education. New Jersey: Prentice-Hall.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
วิธีการอ้างอิง
ฉบับ
บท
การอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสาธารณสุขมูลฐาน (ภาคเหนือ)

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.

