การพัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยเบาหวานในชุมชน โดยอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน

ผู้แต่ง

  • นพดล ครุธน้อย กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ
  • ถวัลย์ ชูแสง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลจารย์ตำรา จังหวัดนครราชสีมา

คำสำคัญ:

ผู้ป่วยเบาหวาน, การดูแลในชุมชน, อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน

บทคัดย่อ

การวิจัยเชิงปฏิบัติการนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยเบาหวานในชุมชนโดยอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน กลุ่มเป้าหมายคือ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านและผู้ป่วยเบาหวาน ตำบลท่าหลวง อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา รวม 70 คน สุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง ตามระเบียบวิธีวิจัยเชิงปฏิบัติการ ผลการศึกษาพบว่า ก่อนเริ่มการศึกษาวิจัย อสม. มีบทบาท เป็นทีมสุขภาพ โดยการนำของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในการดูแลผู้ป่วยเบาหวานในเขตรับผิดชอบ ด้านตัวผู้ป่วยเอง เน้นการเข้ารับยาตามนัดหมาย การปรับพฤติกรรมตนเองตามคำแนะนำยังน้อย ภายหลังการนำรูปแบบการศึกษานี้ไปใช้ ส่งผลให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน มีความมั่นใจในการดูแลและมีแผนการดูแลผู้ป่วยเบาหวานของตัวเอง แบ่งเบาภาระเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในการดูแลผู้ป่วย และญาติก็ให้การยอมรับคำแนะนำและเข้าร่วมกิจกรรมการปรับพฤติกรรมสุขภาพ โดยมีรูปแบบ 7 ขั้นตอน คือ 1) พัฒนาศักยภาพการเยี่ยมเสริมพลังแก่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน 2) สร้างสัมพันธภาพกับผู้ป่วย 3) ร่วมวิเคราะห์ปัญหากับผู้ป่วย 4) ร่วมหาทางเลือกกับผู้ป่วย 5) เยี่ยมเสริมพลัง 6) ผู้ป่วยดูแลตนเอง 7) ติดตามผลการดูแลตนเองของผู้ป่วย ส่งผลให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน มีความรู้เพิ่มขึ้นและมีความมั่นใจในการวางแผนดูแลผู้ป่วย ที่สำคัญคือ ผู้ป่วยร้อยละ 85 สามารถดูแลตนเองได้ตามเป้าหมาย และมีความพึงพอใจต่อรูปแบบสูงถึงร้อยละ 87 ผลการศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่า การเสริมพลังอำนาจให้แก่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน เป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในการพัฒนาระบบการดูแลผู้ป่วยเบาหวานอย่างต่อเนื่องในชุมชน

เอกสารอ้างอิง

กระทรวงสาธารณสุข. (2554). แนวทางการดำเนินงานโดยอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.). สำนักโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมชนสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. (2564). สถานการณ์ผู้ป่วยเบาหวาน ปี 2563. นนทบุรี : กระทรวงสาธารณสุข.

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ. (2557). ระเบียบกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน พ.ศ. 2554 พร้อมด้วยกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง. กรุงเทพฯ: สำนักงานกิจการโรงพิมพ์ องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก.

จุฑามาศ นักบุญ. (2560). ผลของโปรแกรมการเสริมพลังอำนาจอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านต่อการดูแลผู้ป่วยเบาหวาน. วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.

ชุติมา เลิศอาวุธ, โสภิดา ยอดยิ่ง, และจิราพร ถาวรสุข. (2568). การพัฒนารูปแบบการดูแลสุขภาพผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูง โดยการมีส่วนร่วมของชุมชน ตำบลบ้านชวน อำเภอบำเหน็จณรงค์ จังหวัดชัยภูมิ. วารสารวิชาการกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ, 21(1), 104-114.

ณัฐธิวรรณ พันธุ์มุง, ขนิษฐา ศรีสวัสดิ์, พนิดา เจริญกรุง และศศิภรณ์ สารแสง. (2567). ปัจจัยความสำเร็จของการดำเนินงานสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานเข้าสู่ระยะสงบ. วารสารวิชาการกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ, 20(2), 17-26.

ณัฐวุฒิ สุริยะ, เกศกนก ดีพรม, วิศรุตา ตีเมืองซ้าย, อรัญญา ชัยธวัชพิบูลย์, และคอลิค ครุนันท์. (2568). ปัจจัยที่ส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดในผู้สูงอายุที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม. วารสารมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์, 17(2), 208-224.

ประภา สิทธาพานิช, จิราภรณ์ ขอสุข, กาญจนา ไชยมาตร และมาดี ขันสัมฤทธิ์. (2565). ประสิทธิผลของการพัฒนาศักยภาพ อสม. ในการดูแลผู้ป่วยเบาหวาน ในคลินิกหมอครอบครัวย่อ. ยโสธรเวชสาร, 24(2), 36-48.

ราชวิทยาลัยแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวแห่งประเทศไทย. (2565). แนวทางการดูแลผู้ป่วยเบาหวาน ชนิดที่ 2 ให้เข้าสู่โรคเบาหวานระยะสงบด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างเข้มงวดสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข. กรุงเทพฯ: ราชวิทยาลัยแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว.

โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลจารย์ตำรา. (2565). รายงานประจำปี 2565. นครราชสีมา : โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลจารย์ตำรา.

สาคร ไชยอำมมาตย์, ปรีชา ชัยอนันต์, และจิราภณ์ ชิตตรกูล. (2568). การพัฒนารูปแบบการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ควบคุมระดับน้ำตาลไม่ได้ ด้วยการนับคาร์บโดยกลไกอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านและภาคีเครือข่ายชุมชนจังหวัดเชียงใหม่. วารสารสาธารณสุขมูลฐาน (ภาคเหนือ), 35(2), 67-76.

สมาคมเบาหวานแห่งประเทศไทย. (2566). แนวทางเวชปฏิบัติสำหรับโรคเบาหวาน 2566. กรุงเทพฯ: บริษัท ศรีเมืองการพิมพ์ จำกัด.

สถาบันวิจัยและประเมินทคโนโลยีกทางการแพทย์ กรมการแพทย์. (2553). การให้ความรู้เพื่อการจัดการโรคเบาหวานด้วยตนเอง. กรุงเทพฯ: ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด.

สุวิมล ว่องวานิช. (2555). การวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน. พิมพ์ครั้งที่ 6. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา. (2565). ระบบฐานข้อมูล HDC. สืบค้นจาก https://nma.hdc.moph.go.th/hdc/reports/report.php&cat_id=6966b0664b89805a484d7ac96c6edc48&id=953a2fc648be8ce76a8115fbb955bb51.

สำรวย ว่องไวยุทธ์. (2568). ปัจจัยที่สัมพันธ์กับการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวาน ตำบลบ้านโพธิ์ อำเภอเมือง จังหวัดตรัง. วารสารวิชาการเพื่อการพัฒนาระบบสุขภาพปฐมภูมิและสาธารณสุข, 3(1), 141-156.

Bishop, A.et al. 1988. A collection of popular education resource and activities. Ontario: CUSO education department.

Kemmis, S. & McTaggart, R. (1988). The Action Research (3rd ed.). Victoria: Deakin University.

Pearson TL, Bardsley J, Weiner S, Kolb L. Population health: the diabetes educator’s evolving role. Diabetes Educ 2019; 45: 333-48.

World Health organization. (2019). Classification of Diabetes Mellitus. Geneva: April.

สืบค้นจาก. https://www.who.int/publications/i/item/classification-of-diabetes-mellitus.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2025-12-12