ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคฟันผุของนักเรียนประถมศึกษาปีที่ 5 และ 6 ตำบลวัฒนานคร อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว
คำสำคัญ:
พฤติกรรมการป้องกันโรคฟันผุ, นักเรียนประถมศึกษา, การแปรงฟันบทคัดย่อ
การศึกษาเชิงวิเคราะห์นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา ปัจจัยนำ ปัจจัยเอื้อ และปัจจัยเสริม ที่มีผลต่อ พฤติกรรมการป้องกันโรคฟันผุของนักเรียน กลุ่มตัวอย่างที่ศึกษาคือ นักเรียนประถมศึกษาปีที่ 5 และ 6 จำนวน 287 คน จาก 6 โรงเรียน ในตำบลวัฒนานคร อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว โดยปัจจัยนำที่ศึกษาได้แก่ ความรู้และทัศนคติเกี่ยวกับโรคฟันผุ ปัจจัยเอื้อที่ศึกษาได้แก่ การเข้าถึงแหล่งให้บริการทางด้านทันตกรรม การ เข้าถึงแหล่งขายขนม การเข้าถึงแหล่งขายอุปกรณ์ทำความสะอาดฟัน และปัจจัยเสริมที่ศึกษาได้แก่ การได้ รับการสนับสนุนทางสังคม และการได้รับข้อมูลข่าวสารเรื่องการดูแลสุขภาพช่องปาก เก็บรวบรวมข้อมูลโดย ใช้แบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง วิเคราะห์หาปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคฟันผุของนักเรียน โดยใช้สถิติ multiple regression analysis แบบมีขั้นตอน (stepwise method) ระยะเวลาที่ศึกษา ระหว่างพฤษภาคม - ธันวาคม 2550
พบว่า นักเรียนที่ศึกษาร้อยละ 50.2 เป็นเพศหญิง ค่ามัธยฐานของอายุ 12 ปี ค่ามัธยฐานของเงินที่นักเรียนได้มาโรงเรียนวันละ 20 บาท โดยใช้เป็นค่าขนมวันละ 10 บาท นักเรียนที่มีฟันแท้ผุร้อยละ 49.5 นักเรียน ส่วนใหญ่มีความรู้ถูกต้องด้านการแปรงฟัน โดยส่วนใหญ่นักเรียนได้รับความรู้นี้จาก พ่อ แม่ครู และทันตบุคลากร ด้านทัศนคติเกี่ยวกับโรคฟันผุที่ควรปรับปรุง พบว่านักเรียนมีทัศนคติว่า ควรไปหาหมอฟันเมื่อมีอาการปวด ฟันเท่านั้น ขนมเป็นอาหารที่อร่อยกินแล้วเพลิดเพลิน และเมื่อเป็นโรคฟันผุจะต้องรักษาโดยการถอนฟันอย่างเดียว พบร้อยละ 31.0, 21.6 และ 19.2 ตามลำดับ นักเรียนร้อยละ 53.7 เคยไปใช้บริการทันตกรรม โดย มีนักเรียนเพียงร้อยละ 17.4 เท่านั้นที่ไปเคลือบฟลูออไรด์ โดยนักเรียนส่วนใหญ่ร้อยละ 74.2 จะซื้อขนมที่ร้านค้าในโรงเรียนเป็นประจำบุคคลในครอบครัวและครูมีบทบาทสำคัญในการจัดหาแปรงสีฟันให้นักเรียน กระตุ้นเตือนให้นักเรียนแปรงฟันและเตือนไม่ให้กินขนมมาก ส่วนเจ้าหน้าที่สาธารณสุขมีบทบาทในการตรวจฟันให้นักเรียน ด้านการปฏิบัติเกียวกับการป้องกันโรคฟันผุพบว่า นักเรียนร้อยละ 46.3 ที่แปรงฟันถูกวิธี มีนักเรียนร้อยละ 54.0 ที่แปรงฟันก่อนนอนเป็นประจำ มีนักเรียนที่กินขนมถุง (75.6%) ลูกอม (61.3%) น้ำหวาน (58.5%) และขนมปังกรอบ (43.2%) ทุกวัน จากการวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆที่มีผลต่อพฤติกรรมการ ป้องกันโรคฟันผุของนักเรียน พบว่า ทัศนคติเกียวกับโรคฟันผุ การได้รับการสนับสนุนทางสังคม เป็นปัจจัย ที่มีผลทางบวกและการเข้าถึงแหล่งขายขนมมีผลทางลบ ต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคฟันผุของนักเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p-value < 0.05) โดยปัจจัยเหล่านี้อธิบายความผันแปรพฤติกรรมการป้องกันโรคฟันผุของนักเรียนได้ร้อยละ 14.6 (R= 0.1460)
Downloads
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
วิธีการอ้างอิง
ฉบับ
บท
การอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2017 วารสารวิชาการสาธารณสุข

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.

